Elliott Wave
ทฤษฎีที่เค้าว่ากันว่าแม่นยำสูงแต่นั่นน่าจะเพราะหลักการมันยืดหยุ่นมาก อย่าใช้ Elliott wave เป็นหลักในการเข้าซื้อหรือขาย แต่ใช้ Elliott wave ในการพยายามหาว่าต่อไปข้างน่ามันน่าจะเป็นอะไร เพื่อเราจะได้เตรียมตัวถูก หลักการคืออย่าพยายามหาว่าตอนนี้เราอยู่คลื่นไหน แต่ให้พยายามถามตัวเองว่า คลื่นที่เราอยู่มันเป็นคลื่นอะไรได้บ้าง แล้วถ้าไม่ใช่มันควรเป็นคลื่นไหน รู้แบบนี้แล้วเราจะได้เปรียบเพราะจะหาทางหนีทีไล่ไว้ก่อน เช่นตอนนี้เรารู้แล้วว่าเราน่าจะอยู่ใน wave 3 ของ time frame daily แต่ว่าน่าจะอยู่ใน wave B ของ time frame week/month เราก็ควรจะรู้ว่าต่อไปควรจะลงเพราะ trend ใหญ่มันยังเป็นขาลง รู้อย่างนี้ถ้าเราเข้าก็อย่าถือยาว ทำตัวเป็น VI ก็ได้ตังตอนแรก 3 เดือนหลังก็น้ำตาตก
Elliott wave มีส่วนสำคัญ 2 ส่วน
1. Motive wave
2. Corrective wave
Motive wave ไม่ได้แปลว่าต้องอยู่ในขาขึ้นเท่านั้นถึงจะเป็น motive wave ขาลงก็เป็น motive wave เหมือนกัน motive wave ความหมายง่ายๆก็คือเป็น wave ที่มีพฤติกรรมไปตาม trend ช่วงนั้นๆ สังเกตุดู motive wave จะมี 5 คลื่น 1-2-3-4-5 และจะยาวกว่า corrective wave เพราะ motive wave เป็นคลื่นตาม trend จึงยาวกว่าคลื่นที่ฝืน trend อย่าง corrective wave เป็นธรรมดา โดยทั่วไป motive wave จะมีทั้งหมด 5 คลื่น 1-2-3-4-5
Corrective wave ยึดตามนิยามของ motive wave corrective wave จึงหมายถึงคลื่นที่ฝืน trend ถ้าตามความหมายภาษาอังกฤษก็คือพยายามจะแก้ไข trend ที่มีอยู่ในขณะนั้น เช่นตอนนี้เป็นขาขึ้น corrective wave ก็พยายามฝืน trend เป็นขาลง ถ้าเป็นขาลงอยู่ corrective wave ก็พยายามฝืนให้ trend เป็นขาขึ้น แต่เพราะฝืน trend คลื่นจึงสั้นกว่าคลื่นตาม trend อย่าง motive wave โดยทั่วไป corrective wave จะมีทั้งหมด 3 คลื่น A-B-C
พฤติกรรมอีกอันนึงที่น่าถีบของทฤษฎี Elliot wave คือในคลื่นใหญ่จะมีคลื่นเล็กๆอยู่ได้ไม่รู้จบ ทำให้เป็นการยากมากกกกกกกกก ที่จะนับคลื่นได้อย่างถูกต้อง และเป็นเหตุให้คลื่นที่ 2 กับ 4 ใน motive wave คือ corrective wave และในขณะเดียวกันคลื่น A กับ C ใน corrective wave จึงเป็น motive wave (บ้ามาก)
การจะดูว่าคลื่นไหนเป็น motive หรือ corrective ต้องดู trend ใน time frame นั้นๆประกอบด้วย
Elliott wave สัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับตัวเลข Fibonacci (อย่าถามว่าทำไม ไม่รู้เพราะไม่ได้อ่านหนังสือ นี่แค่การสรุปความรู้ที่มี) ฉะนั้นจึงใช้ Fibonacci Replacement ในการหาเป้าหมายร่วมกับ Elliott wave ได้
กฎของ Elliott wave (ฝืนไม่ได้)
1. wave 2 ต้องไม่ปรับตัวลงต่ำกว่า wave 1 มันก็แน่นอน wave 1 มันเริ่มขาขึ้นแล้วถ้ายังมีการทำ lower low อีกมันก็ยังไม่เป็นขาขึ้น แล้วมันจะเป็น wave 1 ได้ไง
2. wave 3 ต้องไม่ใช่ wave ที่สั้นที่สุด เพราะปกติ wave 3 เป็น wave ที่คนเข้ามาเล่นมากที่สุด จึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะสั่นกว่าชาวบ้าน
3. wave 4 ต้องไม่ล้ำเข้าไปในยอดคลื่นของคลื่นที่ 1 ยกเว้นได้ถ้า wave 4 ทำ Triangle formation
Guide line (เกิดหรือไม่ก็ได้ แต่ส่วนมากจะเกิด)
1. wave 5 ควรจะสูงกว่ายอดคลื่นของ wave 3
2. wave 2 และ wave 4 มักจะสลับรูปแบบกัน เช่น wave 2 เป็น simple แล้ว wave 4 มันจะเป็น complex
รูปแบบของคลื่น
Motive wave มีรูปแบบดังนี้
1. Impulse คลื่นทั่วๆไป
2. Extension คลื่นยืดตัว
- ประกอบด้วยจำนวนคลื่น 5, 9, 13 หรือ 17 คลื่น
- เกิดใน motive wave 1,3,5,A หรือ C
3. Diagonal triangle รูปแบบสามเหลี่ยม
- มักเกิดใน wave 5 หรือ wave C บางครั้งเกิดใน wave 1
- เมื่อออกจากปลายสามเหลี่ยมทิศทางจะไปในทางตรงข้าม
4. Truncated 5th เกิดกับคลื่น 5 ที่ไม่สูงกว่า wave 3
- มักเกิดใน Wave 5 หรือ wave C แต่จะไม่เกิดในคลื่นที่ 5 ของ wave 3
Corrective wave มีรูปแบบดังนี้
1. Zigzag รูปแบบซิกแซก
- รูปแบบคลื่นเป็น 5-3-5
- ปกติพบใน wave A, X หรือ 2 บางครั้งพบใน wave 4
- Wave B ปรับตัวไม่มากกว่า 61.8% หรือ 78.6% ของ wave A
2. Flat รูปแบบราบ
- wave B ปรับตัวมากกว่า 61.8% ของ wave A
- wave B ปกติจะปรับตัวถึงปลายคลื่นก่อนหน้า
- wave C ไม่ยาวกว่า wave A ปกติจะยาวเท่ากับ wave A
- พบบ่อยใน wave B, 4 และ 2
Flat แบบผิดปกติ
3. Triangle รูปแบบสามเหลี่ยม
สามเหลี่ยมปกติ
- ประกอบด้วย 5 คลื่น
- คลื่น 4 ซ้อนต่ำกว่าปลายคลื่น 1
- เกิดเฉพาะใน wave B, X หรือ 4 เท่านั้น
สามเหลี่ยมปลายกว้าง
4. Combination รูปแบบผสม
ใช้ Fibonacci ช่วยในการจำแนกคลื่น
Wave 1
Wave 2 ส่วนใหญ่จะปรับตัวลงประมาณ 61.8% หรือ 78.6% ของ wave 1 แต่จะเป็น double bottom ก็ได้
Wave 3 ส่วนใหญ่จะขึ้นไปประมาณ 161.8% ของ wave 1
Wave 4
Wave 5
Wave A
Wave B
Wave C ประมาณ 61.8% หรือ 78.6% ถ้าลากจาก wave 1 ไป 5
TIPs
Wave 1: เริ่มต้น motive wave wave นี้จับหรือรู้ตัวยากมาก เพราะเป็น wave ที่เริ่มเปลี่ยน trend เราอาจยังมีความไม่แน่ใจว่านี่มันเปลี่ยน trend แล้วจริงๆหรือเปล่าแต่บางครั้งจะมี divergence บอกก่อน หรือเมื่อราคาเริ่มขยับขึ้นจาก RSI oversold
Wave 2:
Wave 3: ส่วนใหญ่ 95% จะเป็น wave ที่คนเล่นเยอะที่สุด แรงที่สุด ฉะนั้นอาจหา wave 3 ได้จาก RSI overbought
Wave 4:
Wave 5: เป็น wave ปล่อยของให้แมงเม่า ฉะนั้นแรงซื้อจะเริ่มหมด แรงขายเริ่มแรง โดยมากจะเกิด divergence
Wave A:
Wave B:
Wave C: เป็น wave ที่คนขายกันเยอะสุด บ่อยครั้งจึงเห็น RSI oversold
ต้้งแต่เริ่ม motive wave 1-2-3-4-5 จน corrective wave A-B-C ส่วนใหญ่จะได้ RSI 1 รอบพอดีคือตั้งแต่เริ่ม oversold ไปจนถึง overbought ได้ motive wave 1-2-3-4-5 จากนั้น overbought จนลงไป oversold ได้ corrective wave A-B-C แต่ต้องดูใน time frame ที่เหมาะสมด้วยนะ
ขอบคุณครับ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบ