วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เศรษฐกิจต่อเนื่องกันเป็นลูกโซ่

คำกล่าวที่บอกว่าเวลาล้ม ล้มเป็นโดมิโน่นี่ไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใด เคยเกิดให้เห็นมาแล้วหลายครั้งในอดีต ของไทยก็เคยมีตอนวิกฤตต้มยำกุ้ง ตอนนั้นก็กระทบกันไปทั้งโลกโดยเริ่มที่ไทยก่อน ไม่กี่ปีที่แล้วก็วิกฤตซับพรามในอเมริกา ตอนนั้นไทยโดนหนักโดยเฉพาะตลาดหุ้นจากประมาณ 900จุดไปเหลือ 400จุดภายใน 1 ปี ใครโดนมาตอนนั้นคงยังพอจำกันได้ แต่ผมไม่โดน ฮ่าๆเพราะตอนนั้นยังไม่เริ่มเข้าตลาด :D

ล่าสุดตอนนี้ยังไม่สะเด็ดน้ำก็คือกรีซ ยังไม่รู้จะออกหัวหรือก้อย เค้าว่าเศรษฐกิจกรีซส่อแววมานานแล้ว ตั้งแต่ปลายปี 2009 แล้วก็กระเพื่อมเป็นช่วงๆตลอดมาจนเริ่มสุกงอมเมื่อปลายปีต่อมาต้นปีนี้ จนตอนนี้เรียกได้ว่าใกล้เละแล้ว

เละยังไง ก็ตอนนี้รัฐบาลต้องการเงินกู้ก้อนที่ 5 จาก EU และ IMF ขนาด 1.2 หมื่นล้านยูโรเพื่อมาชำระหนี้พันธบัตรที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนสิงหาคมนี้ (พันธบัตรรัฐบาลก็คือรัฐบาลขอกู้เงินกับประชาชนนั่นเอง ที่เค้าบอกว่าพันธบัตรมั่นคงสูงก็เพราะลูกหนี้เป็นรัฐบาล โอกาสเบี้ยวหนี้ก็น้อย แต่ตอนนี้กรีซกำลังจะไม่มีตังไปจ่ายเจ้าหนี้แล้ว) ทีนี้ EU กับ IMF ก็มีเงื่อนไขในการให้กรีซกู้เงิน โดยขอให้กรีซเพิ่มมาตรการรัดเข็มขัดเพื่อจะได้แน่ใจได้ว่ากรีซจะมีฐานะทางการเงินดีขึ้น จะได้ไม่เบี้ยวหนี้ EU กับ IMF อีกราย ทีนี้ก็เป็นเรื่องสิ เพราะนโยบายรัดเข็มขัดรอบก่อนหน้าโดยการปรับลดค่าแรงและบำเน็จบำนาญก็ทำประชาชนเดือดมาทีนึงแล้ว คราวนี้เลยมีประท้วงใหญ่ ตามข่าวนักข่าวบอกว่ามีไม่ต่ำกว่า 4หมื่นคนที่ออกมาประท้วงรัฐบาล เลยเป็นเหตุให้นายกรัฐมนตรีนายจอร์จ ปาปันเดรอู อาจจะปลดนายจอร์จ ปาปาคอนสแตนตินูออกจากรมต.คลัง การเมืองกระเพื่อมทีเดียว แต่แค่นี้ยังน้อยถ้าเทียบกับระบบเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง

เพราะเจ้าหนี้ที่ซื้อพันธบัตรรัฐบาลกรีซไว้คือธนาคารใหญ่ๆทั้งหลายในสหภาพยุโรป ทีนี้พอธนาคารโดนเบี้ยวมันก็จะกระทบเศรษฐกิจของยุโรปต่อเนื่องเป็นลูกโซ่เพราะสภาพคล่องธนาคารจะลดลง อาจส่งผลให้เศรษฐกิจของยุโรปชลอตัวลง

แถมบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือยังมาตอกย้ำความเชื่อว่ากรีซจะไม่จ่ายหนี้ด้วยการปรับลดเครดิตกรีซเหลือแค่ CCC ซึ่งต่ำกว่า Junk Bond ซะอีก ถ้าเทียบตอนนี้อันดับความน่าเชื่อถือของกรีซก็ต่ำที่สุดในโลกแล้ว โดยต่ำกว่าประเทศยากจนอย่างปากีสถาน และเอกวาดอร์ซะอีก

แล้วทีนี้เกิดอะไรขึ้น ค่าเงินยูโรก็อ่อนสิครับ ทำให้ค่าเงิน US แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินยูโรประกอบกับการที่นักลงทุนเชื่อว่าเศรษฐกิจยุโรปจะชลอตัว ทำให้ราคาน้ำมันตกแรงเลยทีนี้ โดยสัญญาซื้อขายน้ำมันล่วงหน้าเดือนกรกฏาคมลดลงไปถึง 2-3 USD ภายในวันเดียว

ทีนี้พอยุโรปเศรษฐกิจทำท่าจะชลอตัว ซึ่งอเมริกาก็เหมือนจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยรอบ 2 ยิ่งรวมกับจีนที่ตอนนี้ต้องการลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจเพราะอัตราเงินเฟ้อขึ้นมาสูงถึง 5% แล้ว ตอนนี้เลยพาให้ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งไทยเกิดอาการเซๆ

เมื่อเศรษฐกิจทั่วโลกไม่ดี แต่ละประเทศไม่ค่อยมีตังซื้อของ ประเทศที่เน้นการส่งออกอย่างไทยซึ่งประเทศที่นำเข้าสินค้าไทยมากเป็นอันดับ 1 และ 3 คือจีนและอเมริกาจะเป็นยังไง คำตอบที่น่าจะคิดได้ก็น่าจะเป็นไทยก็คงจะเซไปกับเค้าด้วยนั่นแหละ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น